weather
ภูมิอากาศ ฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 26 ก.พ.-3 มี.ค.
ภูมิอากาศ – วัดค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในช่วง 12.8 – 26.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่า ไม่เกินมาตรฐานในทุกพื้นที่ที่ตรวจวัด (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร)
คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลต่อฝุ่น PM2.5 ตามสภาพอากาศในช่วงวันที่ 25 ก.พ. – 3 มี.ค. 2567 การระบายอากาศยังอยู่ในสภาพดี นอกจากนี้ อากาศที่อยู่ใกล้พื้นผิวดูเหมือนจะเปิดและปิดด้วย ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นต่ำ และคาดว่าวันนี้จะร้อนในตอนกลางวัน จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรง
จากการตรวจสอบข้อมูลฮอตสปอตผ่านดาวเทียมจาก NASA พบว่าไม่มีฮอตสปอตที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนพื้นผิวโลกในกรุงเทพมหานคร ภูมิอากาศ
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ พยากรณ์อากาศภาคฤดูร้อนของประเทศไทย พ.ศ. 2567 ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
ฤดูร้อนในประเทศไทยปีนี้ เริ่มวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งช้ากว่าปกติประมาณหนึ่งสัปดาห์และสิ้นสุดในกลางเดือนพฤษภาคม อากาศโดยทั่วไปจะร้อนอบอ้าว และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 43.0 – 49.5 องศาเซลเซียส ส่วนมากตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม แต่จะมีพายุฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่เป็นบางช่วง ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนได้ สำหรับอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยของประเทศไทยตอนบนอยู่ที่ 36.0-37.0 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสูงกว่าปกติ 1.0-1.5 องศาเซลเซียส (ค่าปกติ 35.4 องศาเซลเซียส) และจะสูงกว่าปีที่แล้ว (ในฤดูร้อนปี 2566 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35.8 องศาเซลเซียส) ปริมาณฝนรวมเฉลี่ยจะน้อยกว่าปกติร้อยละ 20
อนึ่งในช่วงฤดูร้อนของทุกปี พายุฤดูร้อนมักเกิดในหลายพื้นที่ จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรงและลูกเห็บอาจเกิดขึ้นได้บางแห่ง ภาวะนี้ทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตร ส่วนปริมาณฝนที่ลดลง ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านผู้บริโภคและผู้บริโภครวมทั้งภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งซ้ำแล้วซ้ำอีกนอกพื้นที่ชลประทาน ดังนั้นประชาชนจึงควรใช้น้ำอย่างประหยัด และได้รับผลประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเตรียมการป้องกันภาวะดังกล่าว
ประเทศไทยตอนบน ต้นเดือนมีนาคม จะมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ในตอนกลางวัน โดยมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ แต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่จะมีกำลังอ่อน
ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีบริเวณความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ นอกจากนี้ในบางช่วงจะมีลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมใต้พัดความชื้นจากอ่าวไทยมาปกคลุม ทำให้อากาศโดยทั่วไปร้อนอบอ้าว และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ 43.0 – 44.5 องศาเซลเซียส และจะมีพายุฤดูร้อนเป็นบางช่วง จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ซึ่งจะช่วยให้เย็นลง
ในช่วงกลางและปลายเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล จะมีสภาพอากาศแปรปรวน ยังคงมีอากาศร้อนชื้นอยู่เกือบทุกที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ภาคใต้ ช่วงเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ลมตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เกือบตลอดช่วง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 ของพื้นที่ คลื่นลมทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่นั้นจนถึงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม โดยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคใต้ ตะวันตก จะมีฝนตกร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากบางแห่ง คลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น บางช่วงคลื่นสูง 2 – 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยคลื่นสูง 1 – 2 เมตร เนื่องจากมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้
ข้อควรระวัง: ไฟไหม้และไฟป่า ในฤดูร้อนนี้ สภาพอากาศเอื้อต่อการเกิดไฟป่าและไฟป่าได้ง่าย ประชาชนจึงควรระมัดระวังการใช้เชื้อเพลิงในกิจกรรมต่างๆ
อากาศร้อนมาก ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีอากาศร้อนจัดเป็นเวลานานซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายและโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากอากาศร้อนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วย คนชรา และเด็ก จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
ชาว 41 จังหวัดของไทยเสี่ยงน้ำท่วมจากพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง