Crime News
“พี่เลี้ยงเด็ก” สงสัยทำร้ายเด็ก 3 ขวบ
ตำรวจเรียก “พี่เลี้ยงเด็ก” ให้ถ้อยคำ หลังถูกต้องสงสัยทำร้ายเด็ก 3 ขวบ ได้รับบาดเจ็บ บุคคลนั้นโต้กลับ บอกว่าไม่เจ็บ..อ้างว่าลูกกินอาหารมากเกินไป
จากเหตุการณ์ช่วงบ่ายวานนี้ที่ น.ส.แสงทอง อายุ 59 ปี ผู้เป็นยาย น.ส.ปนัดดา อายุ 37 ปี ผู้เป็นป้า ของ ด.ช. อายุ 3 ขวบ หรือน้องพอร์ช เดินทางมาแจ้งความที่ สน.บางเขน ว่า น้องพอร์ชมีอาการกระเพาะแตก และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย บาดเจ็บสาหัส โดยเชื่อว่าพี่เลี้ยงเป็นคนทำร้ายร่างกาย
ล่าสุดวันนี้ น.ส.กาญจนาพร แม่ของน้องพอร์ช ได้เปิดเผยอาการล่าสุดว่า ดีขึ้น แต่ยังมีไข้สูง ซึ่งตอนที่มาถึงโรงพยาบาล หมอแจ้งว่าตามตัวน้องมีรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆ ตาค้างเกือบช็อก ถ้ามาช้ากว่านี้อาจถึงแก่ชีวิตได้ กระเพาะแตก ซึ่งหมอยังได้บอกอีกว่า ถ้ากินเยอะจนกระเพาะแตกไม่เคยเจอ ส่วนมากถ้ากินจนล้นกระเพาะจะเป็นการอาเจียนออกมาแทน ทั้งนี้ ผลการตรวจร่างกายต้องรอทางนักสังคมสงเคราะห์มาร่วมในการตรวจร่างกาย จึงจะทราบถึงสาเหตุอีกครั้ง ตอนนี้น้องอยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลอ่างทอง
แม่ของน้องพอร์ช ยังระบุอีกว่า ตนได้จ้างพี่เลี้ยง ดูแลลูกช่วงเดือนมกราคม และสังเกตเห็นว่าน้องพอร์ชเริ่มมีรอยฟกช้ำก่อนช่วงสงกรานต์ โดยพี่เลี้ยงอ้างว่าลูกดื้อ เดินชนโต๊ะ ชนประตู จนเป็นรอยช้ำ ซึ่งตนก็รู้ว่าลูกค่อนข้างดื้อ จึงไม่ได้เอะใจอะไร แต่หลังจากนั้นก็ขอรับลูกมานอนด้วย ขอพาไปเที่ยว แต่ทางพี่เลี้ยงไม่ให้ โดยอ้างว่ากำลังดัดนิสัยลูกอยู่จึงไม่อยากให้ออกไปไหน จนวันเกิดเหตุพี่เลี้ยงอ้างว่าลูกกินเยอะจนกระเพาะแตก ตนจึงรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวานนี้จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งพี่เลี้ยงเลย มีแต่ป้าของพี่เลี้ยงโทรมาหา และบอกว่า “มึงทำแบบนี้กับกูไม่เป็นไร (เรื่องแจ้งความ) มึงก็รู้ว่าลูกมึงดื้อ ลูกมึงซน” ตนเลยตอบกลับไปว่า ตนไม่ได้จะกล่าวหาอะไร รอผลตรวจออกมาค่อยว่ากัน ซึ่งตนรู้จักกับพี่เลี้ยงคนนี้มากว่า 10 ปี เคยกินอยู่ด้วยกัน และคอยช่วยเหลือกันตลอด จนเกิดความไว้ใจ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตนเองและลูก
โดยเมื่อวานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำทางโทรศัพท์ไปแล้ว และในวันจันทร์จะเอาใบตรวจร่างกายไปให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้มีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้นัดพี่เลี้ยงคนดังกล่าวมาเข้าพบ เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว โดยนัดหมายให้เข้าพบเวลา 13.00 น. ของวันนี้ ใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 2 ชม. ก่อนที่พี่เลี้ยงคนดังกล่าวจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ปกติน้องพอร์ชเป็นคนกินเยอะ กินไม่รู้จักอิ่ม และคนในตลาดก็จะชอบซื้อขนมให้กินตลอด น้องกินตั้งแต่ช่วง 18.00 น. ตอนนั้นน้องอยู่กับตนที่ตลาด ตนก็สังเกตว่าน้องนิ่งไป จึงถามน้องว่าเป็นอะไร แต่น้องไม่ยอมพูด เลยจับท้องแล้วท้องแข็ง จึงคิดว่าอาจจะเป็นกรดไหลย้อน แต่น้องยังคงกินได้อยู่ จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. แฟนของตนมารับน้องกลับบ้านเพราะแฟนเลิกงานพอดี เป็นปกติ ส่วนตนเองต้องขายของต่อจน 02.00 น. พอกลับถึงที่พัก แฟนโทรกลับมาบอกว่า น้องพอร์ชบอกว่าปวดท้องมาก และร้องเจ็บตลอด แต่ยังบอกว่าไหว ตนจึงให้แฟนจับน้องนั่งชักโครกเพื่ออุจจาระ แต่ไม่ดีขึ้น ก็เลยพาน้องมานั่งพักด้านนอก แต่น้องยังบอกว่าปวดท้อง เลยตัดสินใจให้แฟนเอาน้องไปนั่งชักโครกอีกรอบ ในขณะที่แฟนจับน้องนั่งชักโครกแล้ว แฟนก็เดินออกไปกินข้าว และได้ยินเสียงดังตุ๊บ จึงเข้าไปดูในห้องน้ำ พบว่าน้องร่วงจากชักโครก ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 02.00 น. แฟนจึงโทรมาหาตนอีกรอบ บอกว่าจะพาน้องไปโรงพยาบาล เพราะน้องหน้าซีด ซึ่งตอนนั้นตนกำลังเก็บของอยู่ที่ตลาด และไม่ได้เอะใจอะไรเพราะน้องเคยมีอาการแบบนี้มาแล้ว 1 ครั้ง ตอนนั้นกินเกลือแร่แล้วอาเจียน อาการก็ดีขึ้น แต่ไม่คิดว่ารอบนี้จะเป็นหนักขนาดนี้
พี่เลี้ยงยังเล่าอีกว่า รอยช้ำที่เกิดขึ้นตามร่างกายเป็นเพราะน้องเล่นซน ซึ่งทุกครั้งที่มีรอยช้ำตนจะแจ้งทางพ่อเด็กตลอด ส่วนเรื่องตี ยอมรับว่ามีการตีน้องพอร์ชจริง เป็นการตีเวลาดื้อ เพื่อสอน เพราะบางครั้งน้องทำนิสัยไม่น่ารัก ไปด่าคนที่อายุเยอะกว่า กลัวว่าถ้าวันนี้ไม่ตีในอนาคตน้องจะโดนด่าว่าไม่มีเลี้ยงดู แต่ไม่ถึงกับขั้นทำร้ายร่างกายแค่ตีเพื่อสอน
โดยตนเคยรับเลี้ยงน้องพอร์ชรอบแรกตอนน้องพอร์ชอายุ 3 เดือน และแม่น้องก็รับกลับไป และเอากลับมาให้เลี้ยงใหม่ในช่วง ธ.ค.2566 เป็นรอบที่ 2 และตนเองไม่เคยกีดกันให้แม่มาพบลูก มีแต่ทักหา ถามว่าทำไมไม่มาหาลูกบ้าง ซึ่งตั้งแต่ ธ.ค. จนเกิดเรื่อง แม่เด็กมาหาเพียง 2 ครั้ง มีแต่พ่อเด็กที่แวะเวียนมาหาบ่อยๆ กระทั่งในวันเกิดเหตุเอง ตนโทรหาแม่เด็กตอน 02.00 น.กว่าๆ ว่าน้องมีอาการยังไง ให้รีบมาเซ็นยินยอมในการรักษา เพราะมีแค่แม่เท่านั้นที่เซ็นได้ แต่แม่เด็กตอบเพียงว่า “ไม่มีรถ จะไปได้ก็ตอนเช้า” แฟนของตนจึงบอกว่าให้นั่งแท็กซี่มาเลย จะออกค่าโดยสารให้ แม่เด็กจึงยอมมา ทั้งนี้ยังมองอีกว่าแม่เด็กปล่อยปละละเลย แม่เด็กเคยขอเอาน้องไปนอนด้วย 1 คืน แต่แม่ของตนมองว่าถ้าเอาน้องไปจะให้น้องกินอะไร ขนาดตัวแม่เด็กเองยังขอเงินแม่ซื้อข้าวอยู่เลย จึงไม่ยอมให้น้องไปเพราะกลัวอด พี่เลี้ยงเด็ก
ทั้งนี้ ทางฝั่งพี่เลี้ยงเองยังบอกอีกว่า ตอนนี้แม่เด็กไม่ยอมฟังอะไรตนทั้งนั้น เพราะฟังแต่ทางแฟนใหม่มากกว่า ตอนนี้รู้ว่าน้องย้ายไปที่ รพ.อ่างทองแล้ว อยากไปเยี่ยม แต่ไม่อยากเจอแฟนใหม่ของแม่เด็ก กลัวการมีปากเสียง และยังบอกอีกว่า ถ้าน้องพอร์ชอาการดีขึ้นคงไม่รับเลี้ยงต่อแล้ว เพราะตนเองกำลังจะมีลูก และเข็ดหลาบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – MCOT