Crime News
ตำรวจจับนักต้มตุ๋น “คอลเซ็นเตอร์” มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท
สำนักงานสืบสวนกลาง (CIB) โดย ข่าวสำนักสืบสวนกลาง. แก๊งค์ทำความสะอาดร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ฟอกเงิน “คอลเซ็นเตอร์” ในไทยอีกครั้ง มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท พร้อมปิดประตูสุสานก่อนและจักรพรรดิ.
พล.ต. พล.ท.จิรภพ ภูริเดช ผจก.สั่งคดีใหญ่รวมแก๊งเซ็นเตอร์คดีแรก สำนักงานสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมแก๊ง Center ฐานใช้วีซ่า Elite เพื่อฆ่าและฟอกเงินในประเทศไทย ทุ่มเงินสอบสวนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ม.ร. เฉิน อายุ 32 ปี ที่บ้านหรูย่านถนนราชพฤกษ์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ และนายอนันต์ อายุ 44 ปี โดยเฉพาะที่อาคารสถานประกอบการ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันโดยสุจริตหรือในลักษณะที่สามารถตรวจสอบได้โดยทั่วไป”
ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นหรือเท็จไม่ว่าจะจำเป็นทั้งหมดหรือไม่มีเลย หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในลักษณะที่ซอฟต์แวร์สร้างเวทีสาธารณะ สนับสนุนองค์กรข้ามชาติ การสมรู้ร่วมคิดโดยข้อตกลงตั้งแต่ต้นจนจบ เหตุผลในการ ความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานฟอกเงินนั้นเกิดจากการสมรู้ร่วมคิดและการฟอกเงิน” สิ่งของที่ยึดได้ได้แก่ เมลแคช 11 ชิ้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (PC) 2 ชิ้น โทรศัพท์ 7 ชิ้น และห้องสมุดส่วนใหญ่ 8 เล่ม ,ระบบเอทีเอ็ม – บัตรเครดิต 13 ใบ, ตู้เช็ค 5 เครื่อง, เครื่องนับเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ รวมกว่า 42 เครื่อง
สืบเนื่องจากเดือน พฤศจิกายน 2566 ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จับกุมกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างเว็บไซต์ CIB ปลอมขึ้นมา หลอกลวงผู้เสียหายที่เคยโดนมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไป ซึ่งเหมือนการซ้ำเติมความเดือดร้อนผู้เสียหาย โดยกลุ่มคนร้ายที่ปลอมเว็บไซต์ CIB นี้ขึ้นมา จะสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้เสียหายว่า ติดตามเงินคืนกลับมาให้ผู้เสียหายได้ ก่อนที่จะหลอกเอาเงินผู้เสียหายซ้ำอีกครั้ง
ต่อมาตำรวจ กก.2 บก.ปอท. สืบสวนจับกุม โดยร่วมตรวจค้น 9 จุด เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, สมุทรสาคร, เชียงราย, สุราษฎร์ธานี และสระแก้ว ขณะนั้นจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย ในจำนวนนี้มี 4 ราย ที่ทำหน้าที่ในการฟอกเงิน และอีก 1 ราย เป็นโปรแกรมเมอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวน MR.CHEN ปฏิเสธตลอดข้อหา แต่จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีหน้าที่บริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัลให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จาก MR.CHEN มีการใช้แอปพลิเคชันหนึ่งบริหารจัดการกระเป๋าดิจิทัล ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายใบ มียอดเงินหมุนเวียนของกระเป๋ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท กระเป๋าดิจิทัลเหล่านี้เป็นกระเป๋าที่ตรงกันกับ ที่เข้าแจ้งความไว้ในระบบรับแจ้งความออนไลน์ มากกว่า 30 คดี
พฤติการณ์การก่อเหตุคือ 1.) หลอกทำงานออนไลน์ 2.) ข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะถูกดำเนินคดี 3.) หลอกลงทุนเงินดิจิทัล-หุ้น 4.) หลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า หรือเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง หลอกลงแอปพลิเคชันดูดเงิน 5.)หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งผู้เสียหายกำลังถูกแฮ็กบัญชีธนาคารให้ผู้เสียหายโยกเงินไปเก็บไว้ที่ปลอดภัย ฯลฯ อีกทั้ง MR.CHEN ผู้ต้องหารายนี้ ยังมีหน้าที่ฟอกเงินโดยแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอลเป็นเงินสกุลต่างๆ ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศกัมพูชา อีกทั้งตัวของ MR.CHEN ได้ใช้ชื่อของบุคคลอื่น (สัญชาติไทย) ในการทำธุรกรรมเพื่อซื้อและถือครองทรัพย์สินหลายรายการด้วยเงินสด เช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น, ที่ดิน, รถยนต์และทรัพย์สินมีค่าเครื่องประดับ
จากการตรวจสอบวีซ่าของ MR.CHEN พบว่าเป็น วีซ่าประเภท อีลิท การ์ด แพคเกจแบบ 5 ปี และในวันที่ตำรวจเข้าจับกุม MR.CHEN พบภรรยาสัญชาติจีนของ MR.CHEN พักอาศัยอยู่ด้วยกันกับ ลูก 3 คน โดย MR.CHEN ได้ให้ภรรยาของตนจดทะเบียนสมรสกับชายไทยและให้ชายไทยคนดังกล่าวรับเป็นบิดาของลูกทั้ง 3 คน โดยจุดประสงค์เพื่อให้ลูกที่เกิดมาได้รับสัญชาติไทย ส่วนนายอนันต์ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นกัน ให้การว่าได้รู้จัก MR.CHEN มา 10 ปี และได้ให้ MR.CHEN ใช้บัญชีธนาคารและบัญชีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลของตนเอง แต่ไม่มีส่วนในการหลอกลวง .-MCOT