Chiang Rai News
นายกฯแพทองธาร เตรียมดำเนินแผนฟื้นฟูเชียงราย 8 ประการ
ระดับน้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหลายพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะตามท่อระบายน้ำที่อุดตันด้วยโคลนและขยะจำนวนมาก
องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นรอบเทศบาลนครเชียงรายและอำเภอใกล้เคียง ได้นำรถดูดโคลนแรงดันสูงเข้ามาช่วยดูดโคลนออกจากท่อระบายน้ำ โดยรถดูดโคลนแรงดันสูงสามารถดูดโคลนได้มากถึง 5,000 ลิตร หรือประมาณ 5 ตันต่อการดูดหนึ่งครั้ง ก่อนจะนำไปทิ้งที่หลุมฝังกลบขยะของเทศบาล
ชุมชนที่ได้รับความเสียหายและต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ได้แก่ ชุมชนป่าแดง ชุมชนเท็ดพระเกียรติ ชุมชนเกาะลอย ชุมชนเรือเล็กเหนือ-ใต้ และชุมชนเกาะทอง
ขณะเดียวกัน นายจิรายุ หวางตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย วาตภัย และดินถล่ม (FSOC) กล่าวว่า มาตรการฟื้นฟูและบรรเทาสาธารณภัยในจังหวัดเชียงราย กำลังเร่งใช้เครื่องมือและเครื่องจักรในการซ่อมแซมบ้านเรือนและขุดลอกโคลนถล่ม
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานแผนฟื้นฟูและบรรเทาสาธารณภัยบูรณาการ มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการ 8 มาตรการฟื้นฟูจากอุทกภัยครั้งใหญ่ จ.เชียงราย
8 มาตรการ ฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม 2567 จ.เชียงราย
1. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลถล่ม (ศปช.) ปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
2. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (Zoning) โดยมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามผลการดําเนินงาน ปัญหา อุปสรรค จากหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละโซนทุกวัน
3. มอบหมายทุกส่วนราชการที่สนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ บุคลากร ในการดําเนินงาน รายงานไปยังศูนย์ ศปช. และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อทราบ
4. ในกรณีเครื่องจักรเครื่องมือไม่เพียงพอมอบให้จัดจ้างเอกชน เพื่อระดมการแก้ไขปัญหา ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ มอบหมายให้กรมบัญชีกลางพิจารณากระบวนการจัดจ้างให้เกิดความรวดเร็ว แต่ต้อง ไม่ขัดกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง และสํานักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณกับหน่วยงานดําเนินการ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อน ประชาชนต่อไป
5. ส่วนราชการต่างๆ อํานวยความสะดวกเพื่อซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ถนน สะพาน เสาไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำา ท่อระบายน้ำา
6. การบริหารจัดการขยะ และดินโคลน ให้ผ่อนผันเรื่องการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และที่ราชพัสดุ
7. ระบบการเตือนภัยมอบหมายส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเร่งรัด ดําเนินการในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศที่มีความเสี่ยงให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้า
8. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการแก้ไขปัญหาระยะกลาง และระยะยาว เช่น การขุดลอกแม่น้ำ ขยายสะพาน การจัดทําระบบเตือนภัย และสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร่งด่วน
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภาคเหนือช่วงวันที่ 1-3 ตุลาคม ว่าจะมีอากาศแปรปรวน
บริเวณความกดอากาศสูงจะพาเอาอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ พร้อมด้วยร่องมรสุมที่เคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ส่งผลให้บริเวณตอนบนของประเทศไทยมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ของภาคเหนือ
หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลงโดยมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียสในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมาก ฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ โดยเฉพาะบริเวณเชิงเขาใกล้ทางน้ำและพื้นที่ลุ่ม