Business
อดีตผู้บริหาร STARK ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลภายในโดย ก.ล.ต
ก.ล.ต. ได้เรียกเก็บเงินจากอดีตกรรมการและผู้บริหารของ STARK สามคน รวมถึงบริษัทในเครือด้วยการขายหุ้นตามข้อมูลภายใน ปัญหานี้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานรายการลับๆ และเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของผู้ตรวจสอบบัญชีและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
ตลาดหุ้นไทยมีปีที่ยากลำบากในปี 2566 โดยมีเรื่องอื้อฉาว การผิดนัดชำระหนี้ และความผันผวนหลายครั้ง ซึ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปกฎระเบียบ
บริษัท Stark Corporation ผู้ผลิตสายไฟและเคเบิลกำลังพัวพันกับความขัดแย้งทางการเงินที่ร้ายแรง ผู้บริหารและบริษัทย่อยของบริษัทถูกสงสัยว่าปลอมแปลงงบการเงิน มีส่วนร่วมในการฉ้อโกง และฟอกเงิน
การโจรกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินประมาณ 14.78 พันล้านบาท และส่งผลกระทบต่อนักลงทุนประมาณ 5,000 ราย ปัญหานี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของผู้ตรวจสอบบัญชีและการตอบสนองที่ล่าช้าของการบังคับใช้กฎหมาย ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการกำกับดูแลตลาดลดลง
การซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในที่สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวถึง
อดีตผู้บริหารของบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 คน ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลภายในในการยื่นคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ที่ถูกกล่าวหา ได้แก่ ยศบวร อมฤต, ศรัทธา จันทร์เศรษฐเลิศ และชนินทร์ เย็นสุดใจ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
การตรวจสอบงบการเงิน
ผู้ตรวจสอบบัญชีของ STARK ถูกกล่าวหาว่ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของบัญชีการเงินของธุรกิจ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ระบุ ส่งผลให้ธุรกิจพลาดกำหนดเวลาในการส่งงบการเงินประจำปี 2565 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทหนึ่งที่ผลิตสายไฟและสายเคเบิลคือ STARK Corporation ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน
คดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากผลของความขัดแย้ง ความสามารถของผู้ตรวจสอบบัญชีและการบังคับใช้กฎหมายจึงถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และมีการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับรายการลับๆ
การละเมิดที่อาจเกิดขึ้น
การกระทำของอดีตผู้บริหารทั้ง 3 รายจะถือเป็นการละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มาตรา 242 และ 296 และมาตรา 242 หากข้อเรียกร้องได้รับการยืนยัน บุคคลทั้งสามถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนราคาหุ้นของบริษัทโดยใช้ข้อมูลจากผู้สอบบัญชีเพื่อตัดสินใจว่าจะขายหุ้นของตนผ่านบัญชีของยศบวรอย่างไร
มีบทกำหนดโทษไว้ในมาตรา 296 มาตรา 296/2 และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. สำหรับการกระทำของนายชนินทร์ นายศรัทธา และนางสาวยโสภณ ซึ่งถือเป็นความผิดตามมาตรา 242 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ. พ.ศ. 2535 (พระราชบัญญัติหลักทรัพย์)
บุคคลทั้งสามถูกฟ้องร้องโดย DSI และกำลังพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการละเมิดขั้นพื้นฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ ก.ล.ต. ได้แจ้งให้ ปปง. ทราบถึงการดำเนินการทางกฎหมายตามกฎหมายหลักทรัพย์แล้ว
ทรัพย์สินที่ถูกแช่แข็งต่อไปอีกหกเดือน
ก.ล.ต. ร้องขอศาลอาญาขยายเวลาคำสั่งอายัดทรัพย์สินของจำเลยในคดีบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2024 ศาลได้ให้เวลาเพิ่มอีก 180 วันเพื่อยืดเวลาการอายัดทรัพย์สินออกไป