นักข่าวสหรัฐถูกจำคุก 11 ปีในเมียนมาร์ที่ปกครองโดยกองทัพ

ไฟล์ / แดนนี่ เฟนสเตอร์ / AFP

(รอยเตอร์) – ศาลในเมียนมาร์ที่ปกครองโดยทหารเมื่อวันศุกร์ (29) ได้สั่งจำคุกนักข่าวชาวอเมริกัน แดนนี่ เฟนสเตอร์เป็นเวลา 11 ปี ทนายความและนายจ้างของเขากล่าว แม้ว่าสหรัฐฯ จะเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาจากการถูกกักขังอย่างไม่เป็นธรรม

Fenster วัย 37 ปี บรรณาธิการบริหารนิตยสารออนไลน์ Frontier Myanmar ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานยุยงและละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองและสมาคมที่ผิดกฎหมาย นิตยสารของเขากล่าว โดยอธิบายว่าประโยคดังกล่าว “รุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้กฎหมาย”

เขาเป็นนักข่าวชาวตะวันตกคนแรกที่ถูกตัดสินจำคุกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในเมียนมาร์ ซึ่งการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์โดยกองทัพต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่นำโดยอองซานซูจี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้ยุติขั้นตอนเบื้องต้นเกี่ยวกับประชาธิปไตยเป็นเวลากว่าทศวรรษ และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ

“ไม่มีเหตุผลโดยเด็ดขาดที่จะตัดสินลงโทษแดนนี่ในข้อกล่าวหาเหล่านี้” โธมัส คีน หัวหน้าบรรณาธิการของ Frontier Myanmar หนึ่งในสำนักข่าวอิสระชั้นนำของประเทศกล่าว

“ทุกคนที่ Frontier ผิดหวังและผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ เราแค่ต้องการเห็นแดนนี่ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัวของเขา”

เฟนสเตอร์ถูกจับกุมขณะพยายามเดินทางออกนอกประเทศในเดือนพฤษภาคม และนับแต่นั้นมาถูกคุมขังในเรือนจำอินเส่งที่โด่งดังของย่างกุ้ง ซึ่งผู้ต่อต้านกองทัพพม่าหลายร้อยคน ถูกจำคุก หลายคนซ้อมและทรมานในช่วงทศวรรษแห่งการปกครองแบบเผด็จการ

เขาถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมและร้ายแรงกว่านั้นในข้อหายุยงปลุกระดมและละเมิดพระราชบัญญัติการก่อการร้ายเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยไม่มีคำอธิบายจากทางการ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปีในแต่ละครั้ง

ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่าการจำคุกของเฟนสเตอร์มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นคำเตือนแก่สหรัฐฯ และสื่อด้วยเช่นกัน

“เหตุผลของรัฐบาลทหารสำหรับโทษจำคุกการใช้สิทธิที่โหดร้ายและรุนแรงนี้ เป็นเรื่องแรกที่สร้างความตกใจและข่มขู่นักข่าวชาวพม่าที่เหลืออยู่ในเมียนมาร์ด้วยการลงโทษนักข่าวต่างชาติในลักษณะนี้” เขากล่าว

“ข้อความที่สองเป็นเชิงกลยุทธ์มากกว่า โดยเน้นไปที่การส่งข้อความไปยังสหรัฐฯ ว่านายพลของกองทัพพม่าไม่ชอบที่จะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และสามารถตอบโต้ด้วยการทูตตัวประกัน” เขากล่าว

‘ธรรมดาที่จะเห็น’

ครอบครัวของเฟนสเตอร์เรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาหลายครั้ง โดยบอกว่าพวกเขาอกหักเกี่ยวกับการถูกคุมขัง

การพิจารณาคดีของเขาไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ และโฆษกของรัฐบาลทหารก็ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นในทันที

สหรัฐอเมริกาได้ผลักดันให้เฟนสเตอร์ปล่อยตัว สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในเมียนมาร์ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตัดสินของวันศุกร์นี้ในทันที

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่าการกักขังเขา “ไม่ยุติธรรมอย่างสุดซึ้ง” และ “เป็นที่เปิดเผยให้โลกเห็น” โดยเรียกร้องให้รัฐบาลทหารปล่อยตัวเขาทันที

ชาวอเมริกันเป็นหนึ่งในนักข่าวหลายสิบคนที่ถูกควบคุมตัวในเมียนมาร์หลังจากการประท้วงและการโจมตีปะทุขึ้นหลังจากการรัฐประหาร ขัดขวางความพยายามของกองทัพในการรวมอำนาจ สื่ออิสระถูกรัฐบาลทหารกล่าวหาว่ายุยงปลุกปั่น

พลเรือนกว่า 1,200 คนถูกสังหารในการประท้วง และอีกหลายพันถูกควบคุมตัวตั้งแต่เกิดรัฐประหาร นักเคลื่อนไหวอ้างโดยสหประชาชาติ

ทางการเมียนมาร์มองข้ามเฟนสเตอร์ในการนิรโทษกรรมสำหรับหลายร้อยคนที่ถูกคุมขังในข้อหาประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ซึ่งรวมถึงนักข่าวบางคนด้วย

ในช่วงเกือบครึ่งศตวรรษของการปกครองอย่างเข้มงวดโดยทหาร รายงานข่าวถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐ แต่สื่อของเมียนมาร์เบ่งบานหลังจากรัฐบาลกึ่งพลเรือนเปิดตัวการปฏิรูปเบื้องต้นตั้งแต่ปี 2554

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่รัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพได้เพิกถอนใบอนุญาตด้านสื่อ ควบคุมอินเทอร์เน็ตและการออกอากาศผ่านดาวเทียม และจับกุมนักข่าวหลายสิบคน ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องให้โจมตีความจริง

คณะกรรมการคุ้มครองนักข่าว กล่าวในรายงานเมื่อเดือน ก.ค. ว่าผู้ปกครองของเมียนมาร์ได้ลงโทษนักข่าวอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ

Ming Yu Hah รองผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ระดับภูมิภาคของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกประโยคนี้ว่าเป็น “ผลลัพธ์ที่น่าตำหนิ” ในกรณีที่มีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง

“แดนนี่ไม่ควรถูกจับกุมตั้งแต่แรก และการตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 11 ปีรวมกัน แสดงให้เห็นว่าทางการเมียนมาร์เต็มใจแค่ไหนที่จะส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่เคารพสื่ออิสระ” เธอกล่าว

Sonny Swe ผู้จัดพิมพ์ของ Frontier Myanmar ซึ่งใช้เวลาแปดปีในคุกในช่วงการปกครองของทหารในยุคก่อนหน้า ประกาศการจำคุกของ Fenster บน Twitter ภายใต้ข้อความ: “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผิดพลาดในประเทศนี้”